หลายๆคนที่กำลังอ่านอยู่อาจเคยสงสัยว่า ทำไมป้ายบิลบอร์ดใหญ่ๆหรือสื่อ OOH (Out of Home) ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ยุคนี้สื่อออนไลน์กำลังมาแรงและเป็นที่ยอมรับมากกว่า เหตุผลหลักๆคือสื่อ OOH เป็นสื่อนอกบ้านที่มีความสามารถในการมองเห็นที่ชัดเจน ที่สำคัญคือไม่สามารถกดข้ามได้ รูปแบบของรูปและข้อความมีขนาดใหญ่ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้จำนวนมาก ข้อมูลการศึกษาจาก Cuebiq Football Attribution Benchmarks ที่แสดงให้เห็นว่าสื่อ OOH ช่วยเพิ่มการเข้าชมมากกว่าแคมเปญออนไลน์ โดยสื่อ OOH สามารถเพิ่มยอดเข้าชมร้านค้าได้มากถึง 80%
ด้วยวิกฤตโลก ณ ปัจจุบันทำให้สื่อออนไลน์มีบทบาทมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทำการตลาดออนไลน์ที่ดีในการเข้าถึงผู้บริโภค โดยนิยมการกระจายข่าวสารและโฆษณาผ่านผู้มีชื่อเสียงหรือมีอิทธิพล (Influencer/KOL) ปัญหาก็คือ การกระจายข่าวผ่านผู้มีชื่อเสียงทำให้แบรนด์แฟชั่นสามารถเข้าถึงผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มเท่านั้นคือ Instagram และ Facebook ที่ติดตาม Influceners เพียงบางรายเท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับการเผยแพร่โฆษณาบนสื่อนอกบ้านซึ่งสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า 90% ไม่ว่ากลุ่มผู้บริโภคจะเป็นอย่างไรหรืออายุเท่าไหร่ ดังนั้นการโฆษณา OOH จึงเป็นรูปแบบการตลาดที่ดีที่สุดที่สามารถสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้ในวงกว้างได้ แต่อย่างไรก็ตาม OOH ไม่ควรทำงานเพียงอย่างเดียว จากการศึกษาของ Nielson พบว่าสื่อโฆษณานอกบ้านสามารถกระตุ้นให้เกิดการเข้าใช้งานบน Facebook เพิ่มขึ้น 10% และอัตราการมีส่วนร่วมนั้นใกล้เคียงกันบน Twitter ซึ่งก่อนที่ผู้บริโภคจะมองไปที่ช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การรับรู้ของผู้บริโภคจะต้องถูกกระตุ้นโดยโฆษณา OOH ก่อน
OOH สื่อพันธมิตรเพื่อนซี้แบรนด์แฟชั่น
เหตุผลที่สื่อ OOH ถึงเป็นพันธมิตรอันดีกับแบรนด์แฟชั่น เพราะป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ดูดึงดูดสายตา เป็นสิ่งที่คู่ควรที่สุดกับกราฟิกที่สวยงาม สามารถนำเสนอความครีเอทีฟของโฆษณาที่มีความโดดเด่นได้ สามารถดึงดูดและสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ดีเลยหละ ยังรวมถึงการที่โฆษณา OOH เข้าถึงผู้บริโภคในช่วงเวลาก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าสู่ร้านค้านั้นเอง
สถานที่ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ข้อมูลสถานที่ตั้งสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าที่แบรนด์ต้องการนำเสนอส่วนลดหรือโปรโมชั่นเฉพาะได้ นอกจากนี้ยังสามารถบอกได้ว่าผู้บริโภคกำลังทำอะไรและกำลังไปที่ไหนหลังจากออกจากร้าน จากการศึกษาโฆษณา OOH โดย Nielsen รายงานว่าผู้ชม OOH 20% เข้าเยี่ยมชมธุรกิจโดยตรงหลังจากเห็นโฆษณาและ 74% ของผู้เข้าชมเหล่านั้นซื้อสินค้า ดังนั้นการโฆษณา OOH เป็นวิธีที่น่าสนใจในการสร้างแรงดึงดูดให้เกิดกับร้านค้า เนื่องจากเราสามารถสร้างสรรค์โฆษณาโดยไร้ข้อจำกัด
ขอยกตัวอย่างการทำการตลาดของแบรนด์ดังอย่าง Coach ซึ่งเป็นแบรนด์กระเป๋าถือที่ได้รับความนิยม ได้เปลี่ยนประตูผู้โดยสารขาเข้าที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงให้กลายเป็นตู้เสื้อผ้าที่จัดแสดงคอลเลกชันปี 1941 สำหรับวันครบรอบ 75 ปีของแบรนด์ เมื่อผ่านเข้าสู่ทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางไปยังประตูผู้โดยสารขาเข้า ผู้คนที่เดินผ่านไปมาจะได้รับความรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางย้อนเวลากลับไป ในพื้นที่ที่ Coach ได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณกระเป๋าและห้องโถงต้อนรับ ซึ่งไม่เพียงแต่การนำเสนอการแสดงที่สุดตะลึงเท่านั้น แต่ยังสามารถมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ผู้เข้าชมสามารถถ่ายภาพโฆษณาของ Coach และเขย่าโทรศัพท์เพื่อร่วมลุ้นรับกระเป๋าถือรุ่นซิกเนเจอร์ของ Coach แคมเปญนี้ถือว่าเป็นกรณีศึกษาตัวอย่างที่น่าสนใจและอาจเป็นแนวทางในการต่อยอดการทำการตลาดให้อีกหลาย ๆ แบรนด์ในอนาคต