แน่นอนว่าทุกคนไม่ว่าจะชาติไหน ต่างก็มีอารมณ์ขันในแบบของตัวเองกันทั้งนั้น แต่สถานการณ์แพร่ระบาด Covid-19 ในปัจจุบัน ทำให้บางครั้งก็ขำไม่ออกกันบ้าง หลายคนเลยเลือกที่จะมองหาความสุข และความสนุกเล็ก ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นจาก Social Media หรือสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้ทุกวันนี้บทบาทของสื่อ Out of Home นอกจากที่เป็นเพื่อนร่วมทางแล้ว ยังสามารถสร้างอารมณ์ขัน และดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็นทั่วไปได้อีกด้วย
วันนี้ #SignatureMedia มีตัวอย่าง บริษัทจากต่างประเทศ ที่เลือกใช้สื่อ Out of Home เพื่อดึงดูดความสนใจ และใช้สื่อสารกับผู้พบเห็นได้อย่างชาญฉลาดเลยทีเดียว
ไทม์ไลน์ รสชาติแย่ ๆ ของ Buckley
Buckley แบรนด์ยาแก้ไอ สัญชาติแคนาดา ซึ่งในปี 2019 เป็นการครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ โดย Buckley ได้ทำแคมเปญในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Toronto ด้วยการใช้ภาพ “ใบหน้าแย่ ๆ” จำนวน 100 ภาพ โดยไล่เรียงไทม์ไลน์ตั้งแต่ปี 1919 – 2019 ซึ่งครอบคลุมความยาวเกือบทั้งขบวน ทำให้ผู้โดยสารได้ร่วมเดินทางไปกับ Buckley ผ่านช่วงเวลา 100 ปีที่น่าจดจำ แต่แอบแฝงไปด้วยความฮาอยู่บนใบหน้าของผู้บริโภค Buckley ในแต่ละภาพ และเป็นยกระดับสโลแกนที่สร้างชื่อของบริษัท นั่นก็คือ “รสชาติแย่มาก และมันก็ได้ผล”
Buckley ได้เลือกสถานีที่พลุกพล่านที่สุด อย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน Toronto และใช้ระยะเวลา 4 สัปดาห์ในการทำโฆษณา แคมเปญจากสื่อบนรถไฟฟ้าใต้ดินนี้ ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้ที่พบเห็นจำนวนมาก และยังได้ผลักดันให้ผู้พบเห็นไปยังเว็บไซต์ของ Buckley อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมของชาวแคนาดาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แน่นอนว่าโฆษณาชุดนี้ ได้ดึงดูดความสนใจผู้ที่โดยสารไป – มา เป็นอย่างดี ด้วยองค์ประกอบภาพถ่ายแบบ portraits ที่เรียงกันเป็นแถวยาว ร่วมกับสีหน้าของแต่ละคนที่ใครเห็นก็ต้องแอบขำ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ ประสบการณ์ร่วมของผู้พบเห็น ซึ่งมันสะท้อนถึงความยี้ของทุกคน เมื่อต้องกินยาแก้ไอที่ไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัยก็ยังคงรสชาติเหมือนเดิม
แคมเปญ Grateful Britain – บทกวี (ตลก) ต่อเหล่าฮีโร่
ในช่วงเดือนเมษายน 2563 เป็นช่วงที่รัฐบาลของสหราชจักร ประกาศล็อกดาวน์ ทำให้เกิด แคมเปญ “Grateful Britain” ซึ่งเป็นแคมเปญที่ใช้ Digital out of home media เป็นการร่วมมือของบริษัทสื่อโฆษณาทั่วประเทศ บริจาคพื้นที่สื่อโฆษณาภายนอกบ้าน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมถึงพนักงานด่านหน้าคนอื่น ๆ ในรูปแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ และความตลกขบขัน
แคมเปญนี้เป็นการใช้บทกลอนร่วมกับอารมณ์ขัน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อพนักงานด่านหน้า ไม่ว่าจะเป็นทีมแพทย์ พยาบาล ช่างเทคนิคในห้องปฏิบัติการ พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต รวมไปส่งพนักงานส่งพัสดุ ซึ่งทุกคนล้วนแต่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพื่อช่วยในการต่อสู้กับ Covid-19 โดยแคมเปญนี้ได้ถูกเผยแพร่ที่ร้านสะดวกซื้อ และตามสื่อ DOOH ริมถนน และยังได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมบน Social Media อีกด้วย
คุณเป็นคนใจร้าย…และเรารักมัน !
สำหรับ Animation เรื่อง The Grinch คงเคยผ่านตาใครหลาย ๆ คนมาบ้าง แต่คุณรู้หรือไม่ ก่อนที่หนังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ทาง Universal Studio ได้ใช้สื่อ Digital Out of home media กลาง Time Square เพื่อสร้างความแตกต่างในการโน้มน้าวใจชาวนิวยอร์กให้ไปชม The Grinch ในโรงภาพยนตร์ โดยทางสตูดิโอได้นำเอา ความร้ายของตัวละคร Grinch มาใช้เสียดสี และปลุกปั่นให้มีการพูดถึงกันใน Social Media ไม่ว่าจะเป็นข้อความล้อเลียนผู้ที่ต่อแถวเพื่อซื้อตั๋วบรอดเวย์เรื่อง Hamilton ที่หาซื้อยาก หรือแม้แต่การเยาะเย้ยคนที่ใช้รถ ใช้ถนนบริเวณทางแยกที่มีการจราจรติดอย่างหนัก
ซึ่งใครจะรู้ว่ามันได้ผล The Grinch ได้ถูกพูดถึงมากในสื่อ Social media โดยกลุ่มคนหนุ่มสาว และมียอดผู้เข้าชมในช่วงเปิดตัว เป็นผู้ที่มีอายุ 18-24 ปี ถึง 18% ซึ่งแทบจะไม่ใช่เป้าหมาย สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นครอบครัวด้วยซ้ำ และเมื่อเทียบกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นก่อนหน้าเรื่อง Despicable Me 3 ซึ่งมีผู้ชมกลุ่มเดียวกันเพียงแค่ 12% ถือว่าเป็นการสร้างชัยชนะครั้งใหญ่ให้กับ Universal Studio เลยก็ว่าได้
ไม่แปลกใจเลยที่ทุกวันนี้ หลากหลายแบรนด์เลือกใช้ความอารมณ์ขันมาเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มคนทั่วไปที่พบเห็น ซึ่งมันก็ได้ผลอย่างมาก ทั้งสื่อภายนอกบ้าน หรือ Social media คอนเทนต์เชิงตลกขบขันสามารถสร้างความสัมพันธ์ ความรู้สึกเชิงบวก และนำไปสู่การเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย เพราะทุกวันนี้ใคร ๆ ก็ล้วนอยากจะหัวเราะอย่างมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัวกันทั้งนั้น
ที่มา : https://oohtoday.com/how-humor-in-ooh-means-business/